planning
Aomori
แรงใจจากหนัง The Last Samurai ฝรั่งขอมาปลูกผัก-เลี้ยงไก่
"ยิ่งยุคสมัยเต็มไปด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมากขึ้นเท่าไหร่ ความต้องการเข้าใกล้ธรรมชาติก็จะเพิ่มขึ้นในจิตใจผู้คนมากขึ้น"
Mike Howard หนึ่งในชาวตะวันตกหลายๆ คนที่ออกเดินทางเพื่อค้นหาวิถีชีวิตเรียบง่าย ด้วยการเข้าเป็นสมาชิกของ World Wide Opportunities or Oganic Farms หรือ WWOOF ซึ่งเป็นโครงการที่ต้อนรับอาสาสมัครจากทั่วโลกที่ต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับการทำฟาร์มออแกนิกส์โดยตรงจากเจ้าของฟาร์ม สามารถพักอยู่กับเจ้าของฟาร์ม หรือ โฮสต์ (Host) แบบไม่ต้องเสียค่าเช่าค่ากินในตลอดระยะที่ร่วมโครงการ ซึ่งตอนนี้นอกจากในญี่ปุ่นเองแล้ว WWOOF ยังมีสมาชิกทั่วโลกอีกกว่า 50 ประเทศ
แต่สำหรับ Mike เขามีเหตุผลพิเศษที่เจาะจงว่าต้องเป็นญี่ปุ่น เพราะได้ แรงบันดาลใจมาจากการได้ดูหนังเรื่อง “The Last Samurai” ซึ่งในหนังจะมีฉากของภูเขาสวยๆ ในญี่ปุ่น ทำให้เขาเกิดความประทับใจ และตั้งใจที่จะมาเห็นด้วยตาตัวเอง นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาเดินทางมาที่ “ชิราโทริฟาร์ม” ฟาร์มเลี้ยงไก่กลางไร่แอปเปิ้ลตีนเขาอิวากิในจังหวัดอาโอโมริ ซึ่งเป็นอีกสถานที่หนึ่งซึ่งเปิดรับอาสาสมัครใน WWOOF japan
ที่มาภาพประกอบ johnlinkmovies
แรงบันดาลใจที่พา Mike Howard มาที่ชิราโทริฟาร์ม
ก่อนเริ่มภาระกิจในแต่ละวัน ภรรยาของ Kat-san ผู้ดูแลฟาร์มแห่งนี้ จะเป็นคนทำอาหารเช้าให้กับทุกคน ความชำนาญของเธอนั้นไม่ธรรมดาเลย เพราะเธอสามารถเลือกพืชผักต่างๆ ที่มีอยู่ในฟาร์มมาสร้างสรรค์เมนูอาหารญี่ปุ่นได้อย่างเอร็ดอร่อยในทุกเช้า
ทำอาหารด้วยวัตถุดิบที่หาได้ภายในฟาร์ม
มื้อเช้าที่ผ่านการปรุงแบบสุดฝีมือ
หลังจากมื้อเช้าแล้ว ก็ได้เวลาของการเลี้ยงไก่ซึ่งเป็นหน้าที่หลักของ Mike ในการให้อาหาร เปลี่ยนน้ำดื่ม และที่สำคัญที่สุดคือการเก็บไข่นั่นเอง
นอกจากการเลี้ยงไก่แล้ว ด้วยพื้นที่กว้างขวางของชิราโทริฟาร์ม ทำให้สามารถปลูกผักได้อีกมากมายหลายชนิดทั้งแครอท ผักขม มันฝรั่ง ถั่วเหลือง กระเทียม กะหล่ำปลี มะเขือยาวม่วง มะเขือเทศ และผักอื่นๆ อีกเพียบในปริมาณที่เลี้ยงคนได้ 40 ครอบครัวแบบสบายๆ
ผักของที่นี่มีคุณภาพและดีต่อสุขภาพ ไม่ใส่สารพิษ...แต่ใส่ใจในการดูแลทุกขั้นตอน คนที่นี่เชื่อว่าการใส่ใจทำจะให้ได้สิ่งที่ดีมากกว่าผลของพืชผัก แม้แต่การเก็บผักพวกเขาก็ถือว่าเป็นงานที่ฝึกให้ทำอะไรด้วยความระมัดระวัง ถ้ามือหนักไปผักก็จะช้ำเสียหายได้ แถมในระหว่างที่เก็บผักก็จะได้ชื่นชมความงดงามของใบไม้สีเหลืองสลับแดงที่อยู่รอบบริเวณภายนอกไปด้วย เป็นเหมือนอาหารตาที่ช่วยเพิ่มความสุขให้เกิดขึ้นในจิตใจ
อีกหนึ่งหน้าที่ของ Mike และอาสาสมัครที่นี่คือการเก็บกระเทียม ตัดผักขม ซึ่งบอกเลยว่าไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะต้นกระเทียมและผักขมจะมีความลื่นอยู่มาก เรียกว่ามีแรงดึงอย่างเดียวไม่พอ ต้องเอาชนะความลื่นและความเลอะอีกด้วย
สิ่งที่พืชผักให้กับเรานั้นไม่ได้มีเพียงแค่ใบหรือผลที่นำไปทำอาหารได้เท่านั้น เรายังได้เมล็ดพันธุ์ไว้สำหรับเพาะปลูกในครั้งต่อไปอีกด้วย อย่างเช่นต้นถั่วเหลือง เราก็สามารถเก็บเมล็ดพันธุ์ไว้ปลูกได้เมื่อถึงฤดูกาลที่เหมาะสม โดยที่เราจะต้องฟาดต้นถั่วเหลืองแบบสวมวิญญาณการเป็นมือกลองรัวกระหน่ำในคอนเสิร์ต เพื่อให้เมล็ดถัวเหลืองหลุดออกมา แต่ถ้าฟาดแรงเกินไปเมล็ดถั่วเหลืองก็จะกระเด็นกระจัดกระจาย ตามเก็บกันหน้ามืดเลยทีเดียว งานนี้ดูเหมือนจะง่าย...แต่ก็ไม่ทั้งหมดนะเนี่ย
งานที่นี่แต่ละอย่างดูจะเป็นงานที่หนักอยู่เหมือนกันสำหรับคนที่ไม่คุ้นเคย ซึ่ง Kat-San ผู้ดูแลฟาร์มไม่ได้มองข้ามเรื่องนี้ ในระหว่างวันเขาได้จัดเวลาในการพักผ่อนให้กับอาสาสมัคร มีช่วงเวลาพักเบรกดื่มน้ำชาในตอนสาย และช่วงพักกลางวันนานพอสมควร เพื่อให้อาสาสมัครได้มีเวลาเดินเล่นแถวป่าบริเวณใกล้เคียง สำรวจเส้นทางรอบบ้านพัก เป็นการเรียนรู้ไปพร้อมกับการพักผ่อนในบรรยากาศป่าไม้และสายน้ำ
และเมื่อถึงวันสุดท้ายของการเป็นอาสาสมัครในฟาร์มแห่งนี้ Kat-San ได้พาทุกคนไปสักการะศาลเจ้าซึ่งอยู่บนภูเขาเพื่อขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พร้อมกับชมความงดงามของภูเขาอิวากิที่ช่วยให้ความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าจากการเดินทางของพวกเขาหายไปแบบไม่รู้ตัว
วิวทิวทัศน์ของภูเขาอิวากิในฤดูหนาว
และนี่คืออีกรูปแบบการท่องเที่ยวที่ไม่ได้เพียงแค่เป็นการเดินทางเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ แต่เป็นการค้นหามุมมองใหม่ให้กับชีวิต เชื่อว่าประสบการณ์ครั้งนี้จะเป็นความทรงจำดีๆ และความประทับใจที่ Mike และอาสาสมัครคนอื่นๆ จะไม่มีวันลืม
ที่มา HoneyTrek on Vimeo.
ข้อมูลเพิ่มเติม: สมัครเป็นอาสาสมัคร
WWOOF www.wwoof.net
WWOOF japan www.wwoofjapan.com
ที่มาภาพประกอบและเนื้อหา honeytrek
Book Your Trip

